เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2025 โอกาสฉลองปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ร่วมงานสมัชชา (Jubilee of Synodal Teams) เปิดกิจกรรมวันแรก ณ หอประชุมเปาโลที่ 6 โดยการเสวนาหลักภายใต้หัวข้อ “การกลับใจของความสัมพันธ์เพื่อการเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเจ้า” ได้สะท้อนความหวังสำหรับอนาคต ทบทวนความตึงเครียดที่ยังคงดำรงอยู่ และชี้บทบาทของพระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกันทั้งในพระศาสนจักรเองและในโลก โดยยืนยันความจำเป็นของ “การกลับใจของความสัมพันธ์” อย่างแท้จริง ซึ่งจะกลายเป็น “บทบาทของการเป็นประกาศกในสังคม” ประณามเหวลึกระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม และจุดประกายการเรียกร้องของพระเยซูเจ้าให้ “เป็นหนึ่งเดียวกัน” อีกครั้ง
การเสวนามีพยานและผู้บรรยายผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่
- พระคาร์ดินัล มาริโอ เกรช (Cardinal Mario Grech) เลขาธิการใหญ่ของสำนักเลขาธิการสมัชชาบิชอปสากล
- พระคาร์ดินัล กรเซกอร์ซ ริช (Cardinal Grzegorz Ryś) พระอัครสังฆราชแห่งลอดซ์ ประเทศโปแลนด์
- มิเกล เด ซาลิส อมารัล (Miguel De Salis Amaral) นักเทววิทยาชาวโปรตุเกสและรองศาสตราจารย์ด้านศาสนศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยสันตะสำนักไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์
- มาเรียนา อาปาเรซีดา เวนันซิโอ (Mariana Aparecida Venâncio) สมาชิกคณะกรรมการแอนิเมชันแห่งชาติบราซิลเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานสมัชชา
การเสวนาดำเนินรายการโดย พระสังฆราช ลุยส์ มาริน เด ซาน มาร์ติน คณะออกัสติน (Bishop Luis Marín de San Martín, OSA) รองเลขาธิการใหญ่สำนักเลขาธิการสมัชชาบิชอปสากล
พระคาร์ดินัลเกรช : ความหวังที่หยั่งรากในพระคริสตเจ้า
พระคาร์ดินัลเกรชเริ่มต้นโดยอ้างถึงหนังสือ The Portal of the Mystery of Hope โดย Charles Péguy เพื่อเสนอกรอบคุณธรรมทางเทววิทยาสามประการคือ
- ความเชื่อ มองเห็นสิ่งที่เป็น
- ความหวัง มองเห็นสิ่งที่จะเป็น
- ความรัก รักสิ่งที่เป็น
ท่านชี้ว่า นี่เป็นเข็มทิศทางจิตวิญญาณและกรอบความคิดสำหรับการจินตนาการใหม่ว่าพระศาสนจักรควรรับฟัง พิจารณา และดำเนินไปอย่างไร โดยเน้นประเด็นสำคัญดังนี้ :
- ความรักไม่ใช่เพียงอารมณ์แต่เป็นท่าทีการอยู่ในพระศาสนจักร การยอมรับความเป็นจริง “ตามที่เป็น” และการตัดสินใจที่จะอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งบ่งชี้ความเป็นผู้ใหญ่ทางจิตวิญญาณ และเตือนว่า Unity does not mean uniformity.
- ความรักดำเนินควบคู่กับความเชื่อ การเดินทางของสมัชชาเริ่มด้วยการรับฟังเสียงร้องไห้ของผู้คนชายขอบ และการยอมรับว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มากกว่ามนุษย์
- ความหวังต้องหยั่งรากในพระบุคคลของพระเยซูคริสตเจ้า และหมายถึงการปล่อยวางการครอบครองผลงานของตนเอง เพราะ “ความหวังรักสิ่งที่ยังมาไม่ถึง” เรามองอนาคตด้วยความไว้วางใจเพราะพระองค์ทรงดูแลอนาคตไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
พระคาร์ดินัลริส : การเป็นพระศาสนจักรที่ยากจนสำหรับผู้ยากจน
พระคาร์ดินัลริสไตร่ตรองความตึงเครียดหลักสามประการที่กระบวนการการก้าวเดินไปด้วยกันเผยให้เห็น :
- ความแตกต่างระหว่าง “ฉัน” และ “เรา” ซึ่งเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ ขณะที่โลกสมัยใหม่ส่งเสริมความสัมพันธ์เชิงแข่งขัน
- ความตึงเครียดระหว่างความเป็นหนึ่งเดียวกับความเหมือนกัน การเรียกร้องให้ยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายโดยไม่ปล่อยให้ความเย่อหยิ่งและการใช้อำนาจแบ่งแยก
- ระหว่างการสงวนรักษาและพันธกิจ พระศาสนจักรถูกเชิญให้เป็น “พระศาสนจักรที่ก้าวเดิน” เปิดรับทุกคน และลดทอนโครงสร้างที่ซับซ้อนเพื่อก้าวสู่การเป็นพระศาสนจักรที่ยากจนสำหรับผู้ยากจนอย่างแท้จริง
พระคาร์ดินัลริสเน้นว่าการก้าวเดินไปด้วยกันเป็น “ยา” ที่ต้องการการฟังและการแลกเปลี่ยนของขวัญฝ่ายวิญญาณ
เดอ ซาลิส อมารัล : ศีลศักดิ์สิทธิ์กับการเปลี่ยนความสัมพันธ์
ศาสตราจารย์เดอ ซาลิส อมารัลขยายความว่า การเปลี่ยนความสัมพันธ์ไม่ใช่เพียงคำเชิญชวนให้ทำดีต่อกัน แต่เป็นการเรียกร้องถึงความหมายลึกซึ้งของการก้าวเดินไปด้วยกัน โดยยึดรากฐานจากศีลศักดิ์สิทธิ์ ดังนี้:
- ศีลล้างบาป สร้างความสัมพันธ์ฉันพี่น้องและบุตรธิดาที่เรียกร้องความรับผิดชอบ (Sensus fidei)
- ศีลมหาสนิท มอบการรับใช้เพื่อช่วยผู้อื่นเติบโตเป็นศิษย์ธรรมทูต ความรอดเป็นของขวัญที่มาถึงเราผ่านพระวาจาที่ได้ยินด้วยความเชื่อ (fides ex auditu)
- การเป็นพระสงฆ์ในฐานะศาสนบริกรและการเป็นพระสงฆ์ในศีลล้างบาปมีความสัมพันธ์พึ่งพาอาศัยกัน โครงสร้างพระศาสนจักรต้องดึงพลังชีวิตจากความสัมพันธ์ไม่ใช่จากการเป็นเพียงองค์กร
เวนันซิโอ : การก้าวเดินไปด้วยกันเป็นยาแก้พิษต่อความแตกแยก
ดร. มาเรียนา อาปาเรซีดา เวนันซิโอเน้นว่า การก้าวเดินไปด้วยกันเป็นเครื่องมือทางประกาศกในสังคม ไม่ใช่เพียงแบบจำลององค์กร แต่เป็นวิถีแห่งการดำรงชีวิตและการกระทำ (modus vivendi et operandi) ที่เปลี่ยนจาก “ฉัน” ไปสู่ “เราในพระศาสนจักร” ด้วยจิตวิญญาณแห่งการตอบแทนกันและการให้เปล่า
เธอยกตัวอย่างบราซิลซึ่งผู้คนรู้สึกว่า “พระศาสนจักรรับฟังเป็นครั้งแรก” และชี้ว่า การเสวนาเชิงสมัชชาเป็นการต่อต้านระบอบที่ทำลายชีวิตมนุษย์ พร้อมเรียกร้องให้พระศาสนจักรประณามสาเหตุเชิงโครงสร้างของความเหลื่อมล้ำ ความโลภในการใช้อำนาจ และความเฉยเมยต่อความไม่เท่าเทียม อคติ และการแบ่งแยก
ข้อเรียกร้องและบทสรุป
การเสวนานี้เรียกร้องให้พระศาสนจักร :
- ดำเนินการกลับใจแห่งความสัมพันธ์ (Synodal Conversion) ในทุกระดับของชีวิตคริสตชน
- ให้ความสำคัญกับการอบรมศิลปะการก้าวเดินไปด้วยกันและการรับฟังอย่างเคารพ
- ประณามเหตุเชิงโครงสร้างที่สืบทอดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมความยุติธรรมและความเมตตากรุณา
- ดึงพลังใหม่จากศูนย์กลางของการประกาศพระวรสาร เพื่อทำให้การประชุมสมัชชาเป็นทั้งกระบวนการและการแสดงออกของอัตลักษณ์พระศาสนจักร
การเสวนาในวันแรกของการฉลองปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ร่วมงานสมัชชาได้ย้ำว่า การฟังซึ่งกันและกัน การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ และความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสตเจ้า เป็นหนทางสู่การเป็นประกาศกในสังคมและการฟื้นฟูชีวิตคริสตชนในยุคปัจจุบัน
แหล่งที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1GjHDNCfAt/



